จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย (Income and Expense Statement)
การบันทึกรายรับรายจ่ายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยรายรับจะมาจากยอดขายอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนรายจ่ายควรแยกประเภทตามความจำเป็น เช่น ค่าเช่าที่ ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น เพื่อให้สามารถติดตามและวิเคราะห์ต้นทุนได้ชัดเจน

ทำบัญชีสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
วัตถุดิบเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำอาหาร การติดตามและจัดการสินค้าคงคลังช่วยให้ร้านอาหารสามารถควบคุมต้นทุนและลดการสูญเสียได้ เช่น การบันทึกจำนวนวัตถุดิบที่ซื้อเข้าและใช้ไปแต่ละวัน การทำบัญชีสินค้าคงคลังช่วยให้รู้ว่ามีวัตถุดิบใดเหลือเท่าไหร่ และป้องกันการสั่งซื้อที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป

การจัดทำบัญชีค่าแรงงาน (Labor Costs)
ร้านอาหารต้องบันทึกค่าแรงของพนักงานทั้งพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราว ค่าแรงงานเป็นต้นทุนที่สำคัญซึ่งมักจะอยู่ในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้ ดังนั้น การติดตามค่าแรงงานจะช่วยให้สามารถจัดการพนักงานและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการของร้านในแต่ละช่วงเวลาได้

บันทึกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าส่งเสริมการขาย ค่าเช่าที่ และค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ การบันทึกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของต้นทุนที่แท้จริงของธุรกิจ

การจัดทำงบกำไรขาดทุน (Profit and Loss Statement)
งบกำไรขาดทุนเป็นการสรุปรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นผลกำไรหรือขาดทุนในช่วงเวลาที่กำหนด การวิเคราะห์งบกำไรขาดทุนจะช่วยให้เจ้าของร้านทราบถึงสุขภาพทางการเงินของธุรกิจ และวางแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในอนาคตได้ดีขึ้น

การจัดทำงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)
ร้านอาหารที่มียอดขายสูงอาจพบว่ามีกระแสเงินสดขาดหายไปในบางช่วง การจัดทำงบกระแสเงินสดช่วยให้ทราบถึงการเคลื่อนไหวของเงินสดที่เกิดขึ้น และวางแผนบริหารจัดการเงินสดให้สอดคล้องกับการดำเนินงาน