แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล
1. บุคคลธรรมดา
หากบุคคลธรรมดาที่ดำเนินธุรกิจหรือกิจการส่วนตัวเกิดขาดทุนในปีภาษี จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเนื่องจากไม่มีรายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี แต่มีข้อควรทราบเพิ่มเติม:
- ขาดทุนจากธุรกิจที่เกิดขึ้นสามารถนำไปหักออกจากรายได้ในปีภาษีถัดไปได้ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยกรมสรรพากร
- การขาดทุนสามารถหักได้ไม่เกิน 5 ปีต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีที่เกิดขาดทุน
2. นิติบุคคล
สำหรับนิติบุคคล (เช่น บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) หากขาดทุนในปีภาษี จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในปีนั้น แต่มีข้อกำหนดเพิ่มเติมดังนี้:
- ขาดทุนที่เกิดขึ้นสามารถนำไปหักจากรายได้ในปีภาษีถัดไปได้ไม่เกิน 5 ปี
- การหักขาดทุนสามารถทำได้ต่อเนื่องในปีถัดไปจนกว่าจะหักได้หมดหรือครบ 5 ปี
ตัวอย่าง:
สมมติว่าบริษัท A ขาดทุนในปี 2022 เป็นจำนวน 1,000,000 บาท และในปี 2023 บริษัทมีกำไร 800,000 บาท บริษัท A สามารถนำขาดทุนจากปี 2022 มาหักออกจากกำไรในปี 2023 ทำให้กำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษีในปี 2023 เท่ากับ 0 บาท (800,000 – 1,000,000 = -200,000 บาท, หักขาดทุนได้ทั้งหมด) ในปีถัดไปหากมีกำไร จะสามารถหักขาดทุนที่เหลือได้ต่อไป
ในกรณีที่ยังมีข้อสงสัยหรือความไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือตรวจสอบกับกรมสรรพากรเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน